หน้าเว็บ

วันจันทร์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ความฝัน เรื่องไกล ๆ ที่อยู่ใกล้ ๆ

เวลานอนหลับ ความฝันจะเกิดในช่วงไหน???

              การนอนหลับ การนอนหลับมีประโยชน์แก่ร่างกายของเรามากมาย เพราะเป็นช่วงเวลาที่เราทราบกันดีว่า ร่างกายกำลังซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ คนนอนหลับสนิทส่วนมาก และนอนเป็นเวลา จึงมักจะมีสุขภาพดีมากกว่าคนที่นอนไม่หลับ
              โดยทั้่วไปแล้ว ในเด็กทารกควรนอนถึง 16 ชั่วโมง ในวัยรุ่นประมาณ 9 ชั่วโมง ในผู้ใหญ่ประมาณ 7-8 ชั่วโมง แต่ผู้ใหญ่บางคนเพียง 5 ชั่วโมงก็พอ

การนอนหลับของคนเรา จะมีอยู่5 ระยะค่ะ
ระยะแรกนะคะ เป็นระยะกำลังหลับ ก็จะหลับแบบตื้นๆ ตื่นได้ง่าย บางคนมีการสะดุ้งตื่น ลูกตาจะมีการเคลื่อนไหวเล็กน้อยถึงน้อยมากค่ะ บางคนก็ฝันเล็กน้อยค่ะ พอถูกปลุกก็จะตื่นได้ง่าย

ส่วนระยะที่2นั้น ก็จะเริ่มหลับแล้วค่ะ เป็นการหลับในช่วงต้น เป็นสภาพที่ไม่ได้ยินเสียงรบกวนจากภายนอก เป็นระยะแรกที่มีการหลับอย่างแท้จริง แต่ยังไม่มีการฝัน ในระยะนี้ ผู้ที่หลับจะสามารถถูกปลุกให้ตื่นได้โดยง่ายค่ะ คลื่นสมองช้าลง ลูกตาจะไม่เคลื่อนไหวค่ะ

มาถึงระยะที่3ค่ะ ทั้งคลื่นสมองและชีพจรจะเต้นช้าลง การรู้ตัวจะหายไป การเคลื่อนไหวของตาจะหยุดลง ถ้าได้รับสิ่งเร้าภายนอกก็จะไม่ตื่นโดยง่าย จะกินเวลาประมาณ 20 - 30 นาทีค่ะ

ระยะที่4 จะหลับลึกแล้วค่ะ กินเวลาประมาณ 30 - 50 นาที เพราะว่าสมองเราจะสร้างคลื่นสมองที่เรียกว่า delta wave ในช่วงของระยะที่ 3 กับ 4ค่ะ ถ้านอนหลับโดยไม่มีขั้นนี้ เราจะนอนละเมอหรือฝันร้ายได้ ช่วงระยะนี้อุณหภูมิร่างกายและความดันโลหิตจะลดลง อัตราการเต้นของหัวใจลดลงเหลือประมาณ 60 ครั้งต่อนาที

สุดท้ายคือระยะREM Sleepระยะนี้นี่แหละค่ะ ที่ทำให้เราเกิดการฝัน แต่ก็จะตื่นง่าย เพราะสมองทำงานเหมือนระยะที่ 1 ปกติเราจะฝันในแต่ละคืนมากกว่า 2 ชั่วโมง แต่เกือบทั้งหมดของความฝันเกิดขึ้นในช่วง REM sleep ช่วงเวลาที่เราฝัน จะอยู่ในช่วงใกล้เช้า ค่ะ
             
              
:  https://www.facebook.com/PsyGuidance

INSPIRATION FOR YOU

               เพื่อนๆเคยบ้างมั้ยค่ะ ที่มีเหตุการณ์มากระทบกระเทือนจิตใจ จนทำให้เพื่อนๆรู้สึกท้อแท้ สิ้นหวังหรือหมดกำลังใจ จนไม่อยากที่จะทำอะไรสักอย่าง  วันนี้ดิฉันมี 7 วิธีง่ายๆมาแนะนำเพื่อนๆ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับตัวเองค่ะ

1. การมีทัศนคติที่ดีค่ะ  แม้ทุกอย่างจะแย่ขนาดไหนก็ตามก็ต้องบอกกับตัวเองว่า "มันเป็นประสบการณ์" ที่อีกไม่นานมันก็จะผ่านไป ประสบการณ์จะทำให้เราแข็งแกร่งและเข็มแข็งขึ้น  เราล้มเพื่อที่จะลุกขึ้นอย่างเข้มแข็ง  และสิ่งที่สำคัญคือ ความหวัง  คนเราจะมีชีวิตอยู่ได้ก็ด้วยความหวังค่ะ   ตราบใดที่เพื่อนๆยังมีชีวิตอยู่ก้ยังสามารถสร้างสิ่งดีๆให้เกิดขึ้นกับชีวิตของเราในอนาคตได้ค่

2.การระบายมันออกมา  แต่บางครั้งการไประบายให้คนอื่นฟัง..ก็อาจจะทำให้คนอื่นเครียดตามเราไปด้วย.. ฉะนั้นจงไประบายกับกระดาษกับดินสอใกล้มือ เขียนระบายความไม่สบายใจ อารมณ์ที่สลดหดหู่ทั้งหมดลงไป การระบายแบบนี้ จะทำให้เพื่อนๆมีอารมณ์ดีขึ้นในระดับหนึ่ง

 3. คนทุกคนก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียในตัวเอง  จงมองหาข้อดีของตัวเอง  แม้แต่เหรียญยังมี 2 หน้า  ไม่มีใครที่สมบูรณ์แบบ ดังนั้นเมื่อเพื่อนๆ ถูกใครต่อว่า หรือดูถูก็ขอให้มองว่าเป็นคำแนะนำ เพื่อใช้ในการพัฒนาให้ตัวเราดียิ่งๆขึ้นไป

4. การมองโลกในแง่ดี  สิ่งที่เพื่อนๆจออยู่นั้นไม่ได้เลวร้ายไปทั้งหมด ทุกๆวิกฤตย่อมมีโอกาสและทุกๆปัญหาย่อมมีทางออกเสมอ  บางครั้งในสถานการณ์แบบนี้เพื่อนๆอาจจะได้เจอเพื่อนแท้..หรือได้รู้จักตัวตนจริงๆของคนรอบข้างก็ได้..

5. การยืมพลัง   อย่าลังเลที่จะเข้าไปหาคนที่เพื่อนๆ เคารพ และขอความช่วยเหลือ เพราะถึงแม้บางเรื่องที่เราเข้าใจว่าเขาคนนั้นอาจจะไม่สามารถช่วยอะไรได้   แต่อย่างน้อยเพื่อนๆ ก็จะได้มุมดีๆที่ต้องการ และเขานั่นแหละที่จะเป็นผู้ให้กำลังใจแก่เพื่อนๆได้เป็นอย่างดี

6. อย่าปล่อยให้ตัวเองว่าง หากิจกรรมทำ เมื่อเพื่อนๆอารมณ์ดีขึ้นในระดับหนึ่งแล้วให้ลุกขึ้นสู้ ต่อไป เริ่มจาก "ตั้งใจ" ที่จะทำอะไรสักอย่างให้กับตัวเองหรือคนใกล้ชิด

7. วางแผนอนาคต ดูสิว่าเพื่อนต้องการที่จะทำหรือต้องทำอะไรบ้าง เริ่มต้นชีวิตใหม่ให้กับตัวเองและใช้ความสามารถที่มีให้เต็มที่ และถ้าหากจะต้องล้มอีก คราวหน้าเพื่อนๆ จะได้หายามารักษาแผลให้หาย ได้เร็วยิ่งขึ้นค่ะ


                 สุดท้ายนี้  เส้นทางชีวิตของคนเรานั้นมีหลายเส้นทางที่แตกต่างกันให้เราเลือกเดิน หากเราเลือกแล้วก็ขอจงเดินหน้าต่อไป หากเส้นทางนั้นขรุขระ อาจทำให้เราล้มลงบ้าง ขอเพียงความกล้า กล้าที่จะลุกขึ้นเดินต่อไป   ตนย่อมเป็นที่พึ่งแห่งตน  จงเรียนรู้ที่จะสร้างกำลังใจให้ตัวเองให้เป็น แล้วจะไม่มีใครหรืออุปสรรคใด  ทำอะไรเพื่อนๆได้แน่นอนค่ะ